วันพฤหัสบดีที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ประวัติของการสักยันต์

การสักยันต์
เป็นการสักที่ต่างจากการสักทั่วไปที่มุ่งเน้นเรื่องความสวยงามหรือเพื่องานศิลปะ แต่การสักยันต์มีจุดประสงค์หลักในเรื่องของความเชื่อทางไสยศาสตร์ เช่น จะทำให้มีโชค แคล้วคลาด ปลอดภัย อยู่ยงคงกระพัน และพ้นจากอันตรายต่าง ๆ โดยมีความเชื่อว่า รูปแบบลายสักหรือยันต์แต่ละชนิดจะให้คุณที่ต่างกัน และผู้ที่ได้รับการสักยันต์จะต้องปฏิบัติตามข้อบังคับที่แต่ละสำนักกำหนดไว้ เช่น ห้ามด่าบิดามารดา ห้ามลบหลู่ครูอาจารย์ เป็นต้น
การสัก คือ การเอาเหล็กแหลมแทงลงด้วยวิธี การหรือเพื่อประโยชน์ต่าง ๆ กัน ใช้เหล็กแหลมจุ้มหมึกหรือน้ำมันแทงที่ผิวหนังให้เป็นอักขระ เครื่องหมายหรือลวดลาย ถ้าใช้หมึกเรียกว่าสักหมึก ถ้าใช้น้ำมันเรียกว่าสักน้ำมัน ส่วนคำว่า "ยันต์" ตามพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน กล่าวว่า ยันต์คือตารางหรือลายเส้นเป็นตัวเลข อักขระหรือรูปภาพที่เขียน สัก หรือแกะสลักลงบนแผ่นผ้า ผิวหนัง ไม้ โลหะ เป็นต้น ถือว่าเป็นของขลัง เช่น ยันต์ตรีนิสิงเห ยันต์พระเจ้า ๕ พระองค์ เรียกเสื้อหรือผ้าเป็นต้นที่มีลวดลายเช่นนั้นว่า เสื้อยันต์ ผ้ายันต์ เรียกกิริยาที่ทำเช่นนั้นว่า ลงเลข ลงยันต์
ประวัติของการสักยันต์

การสักยันต์มีมาก่อนอาณาจักรสุโขทัย โดยต้นแบบน่าจะมาจากขอมในขณะที่ขอมยังครอบครองดินแดนสุวรรณภูมิเมื่อประมาณ 1,400 ปีที่แล้ว เพราะอักขระและลวดลายที่ใช้สักกันนั้นเป็นแบบอักษรขอมและใช้ภาษาบาลีเป็นส่วนใหญ่
ส่วนในประเทศไทยการสักสืบทอดกันมาแต่โบราณ ในอดีตข้าราชการของไทยจะทำตำหนิที่ข้อมือคนในบังคับซึ่งเป็นหน้าที่ของแผนกทะเบียนเป็นผู้บันทึกและรวบรวมสถิติชาย สันนิฐานว่า การทำเครื่องหมายลงบนร่างกายนี้อาจมีมาตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนต้น ในรัชสมัยของสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ
แม้ว่าการสักยันต์ในประเทศไทยจะมีมาแต่โบราณ แต่ไม่มีหลักฐานยืนยันชัดเจนนัก จะมีก็แต่หลักฐานที่ปรากฏในวรรณคดีเรื่อง "ขุนช้างขุนแผน" และวรรณกรรมอื่น ๆ โดยเชื่อมโยงกับความเชื่อทางไสยศาสตร์ ทำให้แคล้วคลาดต่ออันตรายต่าง ๆ เป็นทางหนึ่งที่ช่วยให้จิตใจมีความมั่นคง ซึ่งการสักยันต์เพื่อหวังผลทางไสยศาสตร์จะแบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ เพื่อผลทางเมตตามหานิยม และคงกระพันชาตรี

 (ดูข้อมูลเพิ่มเติม โปรดคลิกที่นี่)

วันพฤหัสบดีที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ปัญหาของวัยรุ่น

ปัญหาของวัยรุ่น

1.การต่อต้านผู้ใหญ่ ไม่เชื่อฟังในสิ่งที่ผู้ปกครองบอก ส่วนใหญ่จะเชื่อเพื่อนและไปตามเพื่อน
2.ปัญหาทางด้านการเรียน การใช้สมอง สติ ปัญญา ในการเรียนจะลดน้อยลงเนื่องจากเด็กวัยรุ่นบางคนเที่ยวกลางคืนและไม่มีเวลาสำหรับผักผ่อน
3.การมีรักในวัยเรียนบางคนมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควรซึ่งทำให้เกิดปัญหาต่างๆตามมา เช่น การทำแท้ง การติดโรคจากการมีเพศสัมพันธ์ โรคเอดส์
4.ปัญหาการติดยาเสพติด การใช้ยาเสพติดเป็นเรื่องของความ "อยากลอง" "ตามเพื่อน"
5.วัยรุ่นกับเกม ปัญหาเกี่ยวกับการติดเล่นเกมจนมากเกินไป จนมาสนใจทบทวนบทเรียน การทำการบ้าน อ่านหนังสือ
6.ปัญหาของวัยรุ่นเรื่องการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร เพราะเ็ป็นว่าปัญหาสังคมไทยกำลังเผชิญและต้องรับมือกับผลกระทบมากมายจึงเป็นปัญหาที่ควรได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน ปัจจุบันเทคโนโลยีก้าวไกล แต่คนในสังคมกลับไม่ยกระดับของตนให้สูงเหมือนกัับเทคโนโลยีทำให้มีการนำเทคโนโลยีมาใช้ในทางที่ผิดๆโดยไม่คำนึงถึงคุณภาพและจริยธรรรม แต่กลับนำมาสร้างผลประโยชน์ให้กับตนเอง เช่น การทำสื่อลามกอนาจาร การเผ่ยแพร่รูปลามกต่างๆ เป็นต้น การกระทำดังกล่าวเป็นการเปิดช่องทางให้เด็กและเยาวชนรับข้อมูลที่ผิดและไม่เกิดประโยชน์ ทำให้มองว่าการแสดงออกทางเพศและการมีเพศสัมพันธ์
7.หนีออกจากบ้านส่วนสำคัญมาจากพ่อแม่ ผู้ปกครองเลี้ยงลูกแบบประคบประหงม ไม่กล้าดุว่า กลัวลูกโกรธ แต่เมื่อโดนดุและตำหนิลูกก็โมโห ฉุนเฉียว โกรธ และทำการประชดประชันด้วยการหนีออกจากบ้าน
        (ดูข้อมูลเพิ่มเติม โปรดคลิกที่นี่)